tag:blogger.com,1999:blog-76939930780140296272024-03-08T13:46:08.132-08:00beautty4uUnknownnoreply@blogger.comBlogger6125tag:blogger.com,1999:blog-7693993078014029627.post-12963837058515869362009-07-06T23:48:00.000-07:002009-07-06T23:49:36.271-07:00ชุดประจำชาติ โชว์เวที Miss Universe ปีนี้ ได้แล้ว!!<p align="center"><span style="font-size:85%;color:#ff0099;"><strong>ชุดประจำชาติ โชว์เวที Miss Universe ปีนี้ ได้แล้ว!!</strong></span></p> <p align="center"><span style="font-size:85%;color:#ff3399;"><strong>บัณฑิตแม่โจ้ คว้ารางวัล ออกแบบ ชุดประจำชาติ</strong></span></p> <p align="center"><span style="font-size:85%;color:#ff3399;"><strong>เตรียมตัดชุดส่ง ไข่มุก-ชุติมา ประกวดเวที Miss Universe</strong></span></p> <p align="center"><strong></strong> </p> <p><img style="width: 216px; height: 500px;" alt="ชุดประจำชาติ Miss Universe" src="http://content.mthai.com/upload_images/0-kae/07-09/03-07/news_img_56852_2.jpg" vspace="20" align="left" border="0" hspace="20" /></p> <p><span style="font-size:85%;"> </span></p> <p> </p> <p><span style="font-size:85%;"> หลังจากที่ประสบความสำเร็จได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง สำหรับโครงการ ออกแบบ ชุดประจำชาติ สำหรับตัวแทนสาวไทยไป ประกวด นางงามจักรวาล (Miss Universe®) เมื่อปีที่ผ่านมา</span></p> <p> </p> <p> </p> <p> </p> <p><span style="font-size:85%;"> ล่าสุด สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เดินเครื่องเติมความฝันให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่ชาวไทยอีกครั้ง โดยในปีนี้มีผลงานส่งเข้ามาร่วมโครงการถึง 1,476 ผลงาน โดยผลงานที่โดดเด่นชนะใจคณะกรรมการตัดสินได้แก่ “ญ.งามท้องถิ่นสุวรรณภูมิ” ของ นายธัชกร ตั้งธนกรกิจ คว้าเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการประกวดนางงามจักรวาล 2009 (2009 Miss Universer)</span></p> <p> </p> <p> </p> <p> </p> <p><span style="font-size:85%;"> ด้าน ธัชกร ตั้งธนกรกิจ เจ้าของผลงาน <strong><span style="color:#ff3399;">“ญ.งามท้องถิ่นสุวรรณภูมิ” </span></strong>เปิด เผยถึงแนวคิดและแรงบันดาลใจในการออกแบบผลงานชิ้นนี้ว่า “การออกแบบชุด ญ.งามท้องถิ่นสุวรรณภูมิ อยู่ภายใต้แนวคิด Creative Thai ที่ทางกองประกวดมิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์สกำหนดไว้ ซึ่งผมได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ความสวยงามของผู้หญิงไทย ที่นอกจากจะมีความงามจากภายนอกแล้ว ยังงดงามออกมาจากภายในจิตใจ มีประกายความสดใสผ่องอำไพดุจดังทอง สมกับคำว่า สุวรรณภูมิ ดินแดนแห่งหญิงงาม”</span></p> <p><span style="font-size:85%;"> </span></p> <p><span style="font-size:85%;"> </span></p> <p><span style="font-size:85%;"><span style="font-size:85%;"> โดยท่อนบนของชุด คาดด้วยผ้าทอสีเนื้อ ท่อนล่าง เป็นผ้านุ่งที่ใช้ผ้าทอสีน้ำตาลเข้มธรรมชาติ มีลวดลายแสดงถึงเอกลักษณ์ไทย นำมาจับ พับซ้อนให้เกิดระดับชั้น ซึ่งจะทำให้ผ้าผืนเรียบดูมีมิติราวกับมีชีวิตขึ้นมา ขณะที่ด้านหน้าของผ้านุ่งคาดทับด้วยผ้าปักลายนูน ตกแต่งด้วยดิ้นเงินระยิบระยับ</span></span></p> <p> </p> <p> </p> <p> </p> <p> </p> <p align="center"><span style="font-size:85%;"><img style="width: 308px; height: 500px;" alt="ชุดประจำชาติ Miss Universe" src="http://content.mthai.com/upload_images/0-kae/07-09/03-07/news_img_56852_3.jpg" border="0" hspace="0" /></span></p> <p align="center"> </p> <p align="center"> </p> <p><span style="font-size:85%;"> </span></p> <p><span style="font-size:85%;"> ส่วนเครื่องประดับ ได้แนวคิดจากเครื่องประดับของชาวไทยภูเขาที่เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความงาม โดยนำทองเหลืองหลายชิ้นหลายขนาดซ้อนกันจนถึงระดับอก และให้พาดผ่านไหล่เสมือนสไบทองคำแท่งยาวจรดพื้น”</span></p> <p> </p> <p><span style="font-size:85%;"> ธัชกร ตั้งธนกรกิจ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านภูมิสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ปัจจุบันเป็นนักออกแบบอิสระ เจ้าของบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน และดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการสมาคมภูมิสถาปนิกประเทศไทย</span></p> <p> </p> <p> </p> <p> </p> <p align="center"><span style="font-size:85%;"><img style="width: 336px; height: 335px;" alt="ชุดประจำชาติ Miss Universe" src="http://content.mthai.com/upload_images/0-kae/07-09/03-07/news_img_56852_4.jpg" border="0" hspace="0" /></span></p> <p align="center"> </p> <p align="center"> </p> <p align="center"> </p> <p align="center"><span style="font-size:85%;">สำหรับผลงาน “ญ.งามท้องถิ่นสุวรรณภูมิ” จะถูกนำไปพัฒนารายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อตัดเย็บเป็นชุดประจำชาติ</span></p> <p align="center"> </p> <p><span style="font-size:85%;"> ส่วน ไข่มุก-ชุติมา ดุรงค์เดช มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2552 สวมใส่ขึ้นเวทีการประกวดนางงามจักรวาล 2009 (2009 Miss Universe®) ที่เครือรัฐบาฮามาส เดือนสิงหาคม นี้ และหากชุดดังกล่าวได้รับการคัดเลือกเป็นชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ช่อง 7 สี จะมอบเงินรางวัลพิเศษ 30,000 บาท ให้แก่ นายธัชกร ตั้งธนกรกิจ ผู้ออกแบบอีกด้วย</span></p> <p> </p> <p><span style="font-size:85%;"> ทั้งนี้ โครงการออกแบบชุดประจำชาติ สำหรับตัวแทนสาวไทยไปประกวดนางงามจักรวาล จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยผลงานที่ชนะเลิศในปีที่ผ่านมาได้แก่ “Spirit of Fighting” ของ นายสถาปัตย์ มูลมา นักศึกษาจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยโด่งดังไปทั่วโลก เมื่อ กวินตรา โพธิจักร มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2551 ได้รับการประกาศให้ได้รับรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม บนเวทีนางงามจักรวาล 2008 (2008 Miss Universe®) ณ ประเทศเวียดนาม</span></p> <p> </p> <p> </p> <p> </p> <p> </p> <p align="center"><strong><span style="color:#ff6699;">ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก</span></strong> <a href="http://www.bangkokbiznews.com/" target="_blank"><img src="http://www.mthai.com/scoop/linknews/bangkokbiznews.jpg" width="186" align="absbottom" border="0" height="50" /></a></p>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7693993078014029627.post-37646831901472445452009-07-06T23:40:00.000-07:002009-07-06T23:41:00.917-07:00รวมภาพ สวย ๆ จาก megan fox ( เมแกน ฟ็อกซ์ ) นางเอก สาวสวย สุดเซ็กซี่ ทรานส์ฟอร์เมอร์ส<p align="center"><span style="font-size:85%;color:#ff0099;"><strong>รวมภาพ สวย ๆ จาก megan fox ( เมแกน ฟ็อกซ์ )</strong></span></p> <p align="center"><span style="font-size:85%;color:#ff0099;"><strong>นางเอก สาวสวย สุดเซ็กซี่ ทรานส์ฟอร์เมอร์ส</strong></span></p> <p align="center"> </p> <p align="center"><img style="width: 500px; height: 333px;" alt="เมแกน ฟ็อกซ์" src="http://content.mthai.com/upload_images/0-kae/06-09/30-06/meganfox-0new14.jpg" border="0" hspace="0" /></p> <p align="center"><strong><span style="color:#ff0099;">เมแกน ฟ็อกซ์ / <span style="font-size:85%;">megan fox</span> ภาพจาก ภาพยนตร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์ส</span></strong></p><span style="font-size:85%;"> </span><p><span style="font-size:85%;"><br /><strong><span style="color:#ff0099;">เมแกน ฟ็อกซ์</span></strong> ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ปี พ.ศ. 2529 ที่เขตโอค ริดจ์ ในเมืองเมม ฟิส รัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา สูง 168 เซนติเมตร เธอเริ่มเรียนการแสดงและเต้นรำเมื่ออายุ 5 ขวบ และพออายุได้ 10 ขวบจึงย้ายไปอยู่ในรัฐฟลอริดา ก่อนมาปักหลักอยู่ในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่นี่เมแกนเริ่มอาชีพนักแสดงและนางแบบด้วยวัยเพียง 13 ปี หลังจากกวาดรางวัลในงานอเมริกัน โมเดลลิ่ง แอนด์ ทาเลนท์ คอนเวนชั่น ที่ ฮิลตัน เฮด ในรัฐเซาท์ แคโรไลนา </span></p> <p> </p> <p><span style="font-size:85%;"> จากนั้นเธอเริ่มแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกเรื่อง Holiday In The Sun ในปี 2544 พร้อมกับมีผลงานการแสดงในละครทีวีซีรีส์หลายเรื่อง รวมทั้ง What I like About You จนถึงปี 2547 <strong><span style="color:#ff0099;">เมแกน</span></strong> ประกบลินด์เซย์ โลฮาน ในเรื่อง Confessions Of A Teenage Drama Queen และเป็นดารารับเชิญในทีวีซีรีส์เรื่องสั้น Help ก่อนประสบความสำเร็จโด่งดังจากภาพยนตร์ Transformers ภาคแรก เมื่อปี 2550</span></p> <p> </p> <p align="center"><span style="font-size:85%;"><img style="width: 300px; height: 450px;" alt="เมแกน ฟ็อกซ์" src="http://content.mthai.com/upload_images/0-kae/06-09/30-06/meganfox-0new15.jpg" border="0" hspace="0" /></span></p> <p align="center"><span style="font-size:85%;"><strong><span style="color:#ff0099;">เมแกน ฟ็อกซ์ / megan fox</span></strong></span></p> <p><span style="font-size:85%;"> </span></p> <p><span style="font-size:85%;"> นอกจากนั้น ยังมีภาพยนตร์เรื่อง Jennifer’s Body ซึ่งมีคิวฉายในปีนี้ แม้ไม่ใช่หนังฟอร์มใหญ่ แต่เรื่องนี้มีฉากที่นางเอกสาว<strong><span style="color:#ff0099;">ทรานส์ฟอร์เมอร์ส</span></strong> เปลือยกายล่อนจ้อน ยามว่างเมแกนชอบอ่านหนังสือการ์ตูนเป็นชีวิตจิตใจ และอีกหนึ่งกิจกรรมสุดโปรดคือ วิดีโอเกม รวมทั้งยังเป็นนักรักสัตว์ ตัวยง เธอเลี้ยงทั้งหมา แมว นก กระรอก และหมูที่บ้านหลังปัจจุบันในนครลอสแอนเจลิส</span></p> <p> </p> <p align="center"><span style="font-size:85%;"><img style="width: 300px; height: 400px;" alt="เมแกน ฟ็อกซ์" src="http://content.mthai.com/upload_images/0-kae/06-09/30-06/meganfox-0new16.jpg" border="0" hspace="0" /></span></p> <p align="center"><strong><span style="color:#ff0099;">เมแกน ฟ็อกซ์ / <span style="font-size:85%;">megan fox</span></span></strong></p> <p> </p> <p><span style="font-size:85%;"> <strong><span style="color:#ff0099;">เมแกน</span></strong> ยอมรับว่า การที่เธอหันมาเอาดีทางด้านอาชีพนักแสดง เพราะอยากขึ้นชั้นเป็นเซ็กซ์ ซิมโบล หรือสัญลักษณ์ทางเพศ และก็สมดังหวัง เมื่อเธอคว้างรางวัลตำแหน่งผู้หญิงเซ็กซี่ที่สุดในโลกจากนิตยสาร เอฟเอชเอ็ม เมื่อปี 2551 แต่สำหรับในปีนี้ เธอคว้าอันดับสอง ในโพล สำรวจผู้หญิงสุดยอดปรารถนาในดวงใจประจำปี 2552</span></p> <p> </p> <p align="center"><span style="font-size:85%;"><img style="width: 269px; height: 371px;" alt="เมแกน ฟ็อกซ์" src="http://content.mthai.com/upload_images/0-kae/06-09/30-06/meganfox-0new17.jpg" border="0" hspace="0" /></span></p> <p align="center"><strong><span style="color:#ff0099;">เมแกน ฟ็อกซ์ / <span style="font-size:85%;">megan fox</span></span></strong></p>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7693993078014029627.post-8965407558975195592009-07-06T23:14:00.002-07:002009-07-06T23:17:15.719-07:00กลิ่นตัวชาย .. กลิ่นกายหญิง<p align="center"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;font-size:85%;"><span style="color:#ff6600;"><strong>กลิ่นตัวชาย .. กลิ่นกายหญิง</strong> </span></span></p> <p align="center"> </p> <p align="center"><img style="width: 300px; height: 347px;" alt="กลิ่นกาย กลิ่นตัว" src="http://content.mthai.com/upload_images/0-jaja/Beauty/July/sep929_10.jpg" border="0" hspace="0" /></p> <p> </p> <p><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;font-size:85%;"> เมื่อพูดเรื่องของกลิ่น ก็ต้องแยกกันครับระหว่างกลิ่นตัวกลิ่นกายที่หอมโดยธรรมชาติ กับกลิ่นตัวที่เกิดจากการหมักหมมไม่ยอมอาบน้ำเพราะค่าน้ำขึ้นราคา ในภาษาไทยเราก็ไม่มีคำเฉพาะที่สามารถบรรยายให้เข้าใจได้ชัดเจน แต่ในภาษาอังกฤษ กลิ่นตัวหอมๆ เราจะเรียกว่า "Scent" ส่วนกลิ่นตัวเหม็นๆ ก็จะเรียกว่า "Odor"<br /><br /> <img onerror="javascript:this.src='http://www.fwdder.com/static/images/fwdder_noimage.png';" src="http://hilight.kapook.com/img_cms/dookdik/0801240321387326.gif" /> </span><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong><span style="color:#ff3399;">กลิ่นธรรมชาติให้มา</span><br /></strong><br /> กลิ่น ตัวกลิ่นกายที่หอมโดยธรรมชาติ เป็นกลิ่นหอมที่ติดตัวมาโดยไม่ต้องไปแต่งเติมอะไร เหมือนกับกลิ่นของเด็กทารก มันมีกลิ่นแบบนี้ของมันเองโดยธรรมชาติ ไม่ต้องใช้แป้งเด็ก ไม่ต้องใช้โลชั่นใดๆ กลิ่นหอมของเด็กก็จะทำให้เรารู้สึกสงบลง อ่อนโยน และรู้สึกว่าต้องทะนุถนอมดูแล น่ากอด น่าอุ้ม...แป้งเด็กที่มีขายออกมาก็มีกลิ่นหอมเบาๆ คล้ายๆ กลิ่นของเด็กโดยธรรมชาติแหละครับ<br /><br /> พอ โตขึ้นเป็นหนุ่มเป็นสาวก็มีกลิ่นกายที่เปลี่ยนไป กลิ่นเนื้อหนุ่มดูไม่ค่อยชัดเจนเท่ากลิ่นเนื้อสาว ไม่รู้อาจเป็นเพราะผมไม่ค่อยได้มีโอกาสดมเนื้อหนุ่มด้วยกันก็ได้! กลิ่นเนื้อสาวแบบธรรมชาติ เป็นกลิ่นที่ทำให้เกิดความรู้สึกถึงความอ่อนโยน บอบบาง น่าทะนุถนอม เป็นกลิ่นที่ดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้าม กลิ่นนี้เป็นลักษณะเฉพาะคน บางคนมี บางคนก็ไม่มี ผู้หญิงประเภทบึกๆ ห้าวๆ พวกทอม ไม่ค่อยมีกลิ่นอย่างที่ว่าหรอกครับ<br /><br /> กลิ่นกายของคนเราก็คงมีลักษณะคล้ายๆ กับฟีโรโมน (Pheromone) คือ สัตว์บางชนิดสามารถปล่อยกลิ่น หรือสารเคมีบางอย่างออกมา เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น หรือเป็นการดึงดูดความสนใจ กระตุ้นเกี้ยวพาราสีในช่วงฤดูกาลผสมพันธุ์ ในคนเราไม่มีฟีโรโมนชัดเจนเหมือนกับสัตว์ การกระตุ้นดึงดูดด้วยฟีโรโมนเป็นเรื่องง่ายเกินไปสำหรับมนุษย์ หากคนเรามีฟีโรโมนเหมือนกับสัตว์ สงสัยคงยุ่งแน่ ตรงไหนที่มีการปิ๊งกัน คงมีกลิ่นของคนโน้น คนนี้ปนกันเต็มไปหมดแต่การที่คนเราจะปิ๊งกันได้ ก็ต้องมีองค์ประกอบมากมาย กลิ่นอย่างเดียวไม่พอหรอกครับ ส่วนมากแล้วหนุ่มสาวก็มักจะมีภาพของคู่ตนในใจเอาไว้อยู่แล้ว<br /><br /> หนุ่มคนนั้นต้องมีหน้าตาแบบนี้นะ รูปร่าง บุคลิก นิสัยอย่างนี้นะ แถมบางทีก็ต้องมีข้อแม้เพิ่มเติมอีก เช่น ต้องมีรถโก้ๆ ฯลฯ ดังนั้นสังคมมนุษย์มันมีอิทธิพลประกอบอย่างอื่นเยอะ มีฟีโรโมนออกมาเยอะยังไง ก็ช่วยอะไรได้ไม่มากหรอกครับ<br /><br /> <img onerror="javascript:this.src='http://www.fwdder.com/static/images/fwdder_noimage.png';" src="http://hilight.kapook.com/img_cms/dookdik/0801240321387326.gif" /><span style="color:#ff3399;"> </span></span></span><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong><span style="color:#ff3399;">กลิ่น..ดับอารมณ์</span><br /></strong><br /><br /> พูดถึงกลิ่นดีๆ แล้ว ก็เลยขอว่าถึงกลิ่นที่ไม่ดีด้วยแล้วกันนะ กลิ่นไม่ดีอาจทำให้หมดอารมณ์ไปดื้อๆ เลยก็ได้<br /><br /> กลิ่น ที่เกิดขึ้นในผู้ชายก็มักเป็นกลิ่นตัวจากเหงื่อไคล จากจุดอับต่างๆ เช่น ซอกรักแร้ หากเคยเจอที่มันเหม็นจริงๆ รับรองเห็นจนสลบไปเลยครับ กลิ่นที่ว่าก็เกิดจากการที่มีแบคทีเรียเจริญเติบโตสะสมอยู่ในจุดอับเป็น จำนวนมาก พอมีเหงื่อไคลอับชื้น มันก็จะย่อยสลายโดยแบคทีเรียเกิดเป็นกลิ่นเหม็นๆ ออกมา<br /><br /> ดัง นั้นหากมีกลิ่นตัวแรงๆ กลิ่นเต่าพลังสูงก็ต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดอาบน้ำบ่อยๆ ใช้สบู่ที่สามารถฆ่าเชื้อโรค ลดจำนวนสะสมของแบคทีเรียได้ หรือถ้าสุดความสามารถแล้วก็ต้องใช้น้ำหอม หรือลูกกลิ้งดับกลิ่นเฉพาะที่บ้าง<br /><br /> จุด ที่มีกลิ่นไม่ดีอีกที่ของผู้ชายก็คือที่หนังหุ้มปลายนั่นแหละครับ ปกติแล้วผู้ชายที่มีหนังหุ้มปลายหลงเหลืออยู่ ยังไม่โดนขลิบไปเสียก่อน เวลาอาบน้ำก็ต้องรูดลงมาขัดสีฉวีวรรณตามซอกคอของหนังหุ้มปลายทุกวันให้เป็น กิจวัตร หากมีหนังหุ้มปลายแล้วไม่ล้างให้สะอาดก็จะเกิดการหมักหมม มีกลิ่นเหม็น มีหนังหุ้มปลายแล้วไม่ล้างอย่ามีเสียดีกว่า อย่างนี้ต้องเอาไปขลิบ! <br /><br /> กลิ่น ไม่ดีที่เกิดขึ้นในผู้หญิง ก็มักจะเกิดขึ้นตรงจุดสำคัญนั่นแหละครับ อย่างที่เคยบอกแหละครับว่าปากคนเรากับช่องคลอดมันคล้ายๆ กัน เยื่อบุช่องปากกับเยื่อบุช่องคลอดก็คล้ายคลึงกันมาก ปากต้องมีน้ำลายหล่อเลี้ยง ช่องคลอดก็ต้องมีน้ำเป็นมูกหล่อเลี้ยงตลอดเวลา สำหรับปากเราสามารถแปรงฟันทำความสะอาดได้ง่าย แต่สำหรับช่องคลอด เราไม่ค่อยได้ดูแลรักษาความสะอาดมันเท่ากับช่องปากเลย บางทีก็เกิดการหมักหมมภายใน มูกตกขาวที่มีส่วนประกอบเป็นแป้งก็มีการบูดเสีย มีกลิ่นตามมาได้ ยิ่งหากมีการอักเสบติดเชื้อก็ยิ่งมีกลิ่นมากขึ้น<br /><br /> คุณ ผู้หญิงที่มีกลิ่นเหม็นในบริเวณจุดสำคัญตรงนี้ก็ต้องขยันทำความสะอาดให้ดี อย่าให้มีการสะสมของเชื้อโรค หากรู้สึกว่าตกขาวออกมาผิดปกติ มีสีเขียว สีเหลือง มีกลิ่นแรง ก็ควรรีบไปพบแพทย์จะได้ทำการรักษา ตอนนี้ก็คงนึกภาพออกแล้วนะครับว่า หมอสูติอย่างพวกผม ตรวจอยู่ทั้งวันจะต้องดมกลิ่นอะไรกันบ้าง น่าสงสารเหมือนกันนะ!<br /><br /> </span></span><strong><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;font-size:85%;">ตอน นี้ก็คงรู้แล้วสินะว่าหากมีกลิ่นดีๆ มันช่วยเสริมสร้างความรู้สึกดีๆ ได้เยอะ แต่ไม่ว่าบรรยากาศจะเป็นใจแค่ไหน ไม่ว่าจะเริ่มต้นด้วยมื้อค่ำท่ามกลางแสงเทียน เปิดเพลงรักหวานๆ ฟังเบา มีเสียงจิ้งหรีดร้องเป็นจังหวะให้กำลังใจเป็นระยะ แต่พอเข้าด้ายเข้าเข็ม เปิดออกมากลิ่นเหมือนหัวปลาเน่า...เฮ้อ..น่าสงสารสวรรค์ล่มอย่าลืมล่ะ... ดูแลกลิ่นตัวให้ชวนดม...เพื่อคนที่คุณรัก<br /><br /> หากมันมีกลิ่นไม่ดี ไม่ชวนดม...อย่าลืมนึกถึงหมอสูติฯ ก็แล้วกัน </span></strong></p> <strong><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;font-size:85%;">ที่มาจาก <a href="http://www.fwdder.com/topic/157173">http://www.fwdder.com/topic/157173</a></span></strong>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7693993078014029627.post-28114244229558454802009-07-06T23:14:00.001-07:002009-07-06T23:14:28.743-07:00รักแร้เนียนๆเกลี้ยงเกลาไร้ขน<p align="center"> <img style="width: 250px; height: 330px;" alt="รักแร้" src="http://content.mthai.com/upload_images/0-jaja/Beauty/June/original_logo.jpg" border="0" hspace="0" /></p> <p align="center"> </p> <p align="center"><strong><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;font-size:85%;color:#ff6600;">รักแร้เนียนๆเกลี้ยงเกลาไร้ขน</span></strong></p> <p align="center"><strong></strong> </p> <p><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;font-size:85%;">การกำจัดขน รักแร้ในปัจจุบันมีให้เลือกหลายวิธีตามความชอบ ความสะดวก และงบประมาณ แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียให้ชั่งใจก่อนทำ ดังต่อไปนี้</span></p> <p> </p> <ul><li><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="color: rgb(51, 102, 255);"><span style="font-size:100%;"><strong>โกน </strong><br /></span></span><span style="color:#ff6699;"><strong>ข้อดี</strong> :</span> ง่าย สะดวก กำจัดขนรวดเร็ว<br /><span style="color:#ff6699;"><strong>ข้อเสีย</strong> :</span> เนื่องจากรากขนยังอยู่ ขนจึงงอกเร็ว แข็งและเป็นตอ นอกจากนี้การโกนจะเกิดขูดบริเวณผิวหนังทำให้อักเสบและติดเชื้อขึ้น</span></span></li></ul><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"> </span></span><p><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /> </span></span></p> <ul><li><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong><span style="color: rgb(51, 102, 255);"><span style="font-size:100%;">ถอน </span><br /></span><span style="color:#ff6699;">ข้อดี</span></strong><span style="color:#ff6699;"> :</span> กำจัดขนได้แบบถอนรากออกมาด้วย ทำให้ขนที่งอกใหม่ใช้เวลานานกว่าจะขึ้นอีกครั้ง<br /><span style="color:#ff6699;"><strong>ข้อเสีย</strong> :</span> ใช้ระยะเวลานานกว่าจะถอนออกหมดและทำให้เกิดตุ่ม ลักษณะเหมือนหนังไก่ เนื่องจากขนคุดได้</span></span></li></ul><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"> </span></span><p><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /> </span></span></p> <ul><li><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong><span style="font-size:100%;"><span style="color: rgb(51, 102, 255);">แวกซ์ </span><br /></span><span style="color:#ff6699;">ข้อดี</span></strong><span style="color:#ff6699;"> :</span> เหมาะกับคนที่มีขนยาว และหนา วิธีนี้รวดเร็วกว่าการถอน ขนที่ขึ้นใหม่จะนุ่มและงอกช้าประมาณ 6 สัปดาห์<br /><span style="color:#ff6699;"><strong>ข้อเสีย</strong> :</span> ค่อนข้างเจ็บ ทำให้เกิดตุ่มหรือการแสบแดงได้ และทำให้รูขุมขนใหญ่ขึ้น </span></span></li></ul><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"> </span></span><p><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /> </span></span></p> <ul><li><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="color: rgb(51, 102, 255);"><span style="font-size:100%;"><strong>เลเซอร์ </strong><br /></span></span><span style="color:#ff6699;"><strong>ข้อดี</strong> :</span> เป็นการทำลายรากขน ทำให้ขนไม่งอกขึ้นมาใหม่อีก<br /><span style="color:#ff6699;"><strong>ข้อเสีย</strong> :</span> ต้องทำซ้ำประมาณ 4-6 ครั้ง และเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด 15,000 บาทขึ้นไป</span></span></li></ul><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"> </span></span><p><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /> </span></span></p> <ul><li><span style="color: rgb(51, 102, 255);"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;font-size:100%;"><strong>จี้ด้วยไฟฟ้า</strong></span></span><span style="color:#cc6699;"><br /></span><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="color:#ff6699;"><strong>ข้อดี</strong> :</span> กำจัดขนได้ถาวรประมาณ 15-20เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนขนที่จี้ไฟฟ้าในแต่ละครั้ง<br /><span style="color:#ff6699;"><strong>ข้อเสีย</strong> :</span> อาจเกิดแผล รอยไหม้ หรือการระคายเคือง ต้องใช้เวลานาน และเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000-5,000 บาทต่อครั้ง </span></span></li></ul> <p> </p> <p><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;font-size:85%;"> หลังกำจัดขนอาจใช้ผ้าชุบน้ำแข็งโปะเพื่อกระชับรูขุมขน และควรหลีกเลี่ยงการใช้ สารเคมี เช่น โลชั่น น้ำยาดับกลิ่นเหงื่อ ฯลฯ เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตัน และอักเสบขึ้น</span></p> <p> </p> <p><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;font-size:85%;">ที่มาจาก </span><a href="http://variety.mcot.net/V3423"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;font-size:85%;">variety.mcot.net</span></a></p>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7693993078014029627.post-69062468382272068362009-07-06T23:13:00.001-07:002009-07-06T23:13:59.640-07:00ปัญหา จุดซ่อนเร้น ที่ไม่ควรมองข้าม<p align="center"><span style="font-size:85%;color:#ff3399;"><strong>ปัญหา จุดซ่อนเร้น ที่ไม่ควรมองข้าม</strong></span></p> <p align="center"><strong></strong> </p><span style="font-size:85%;color:#ff3399;"><strong> </strong></span><p align="left"><span style="font-size:85%;color:#ff3399;"><strong><br />Dr.Nisanart Thanabhum</strong></span></p> <p align="left"><span style="font-size:85%;color:#ff3399;"><strong></strong></span><img style="width: 80px; height: 160px;" alt="จุดซ่อนเร้น" src="http://content.mthai.com/upload_images/0-kae/07-09/02-07/ww2.jpg" vspace="20" align="left" border="0" hspace="20" /></p> <p><span style="font-size:85%;"> เมื่อแรกที่มีอาการคัน ระคายเคืองหรือแสบบริเวณจุดซ่อนเร้น ด้วยความอายที่จะไปหาหมอผู้หญิงส่วนใหญ่มักละเลยและคิดเข้าข้างตนเองว่าถ้า ดูแลสุขอนามัยให้ดีอาการก็น่าจะทุเลาลง หรือมีความเชื่อเดิมๆ ว่าเดี๋ยวก็หายได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้องหรือตรงจุดเสมอไป! </span></p> <p><span style="font-size:85%;"><br /> จุดซ่อนเร้นเป็นอวัยวะที่มีความละเอียดอ่อนและมักสัมผัสกับความชื้นตลอดเวลา อีกทั้งเป็นอวัยวะที่เชื่อมต่อกับระบบขับถ่ายและระบบสืบพันธุ์ ทำให้มีโอกาสเสี่ยงสัมผัสหรือแพร่กระจายเชื้อโรคได้มาก เมื่อเป็นแบบนี้ปัญหาใดบ้างที่เจ้าของร่างกายควรสังเกตและปรึกษาสูตินรี แพทย์อย่างเร่งด่วน รวมถึงมีวิธีใดที่สามารถป้องกันหรือแก้ไขเองในเบื้องต้น เรามีคำแนะนำมาฝากตามคำเรียกร้องค่ะ</span></p> <p><br /><span style="font-size:85%;"> <strong><span style="color:#ff3399;">อาการอย่างไรที่บ่งบอกว่าน่าจะติดเชื้อ หรือไม่ติดเชื้อ?</span></strong></span></p><span style="font-size:85%;"><strong></strong> </span><p><span style="font-size:85%;"><br /> การติดเชื้อที่จุดซ่อนเร้นแบ่งออกได้หลายระดับแตกต่างกันไป บางครั้งหากไม่ตรวจอย่างละเอียด หรือไม่ทันสังเกตก็จะไม่รู้ถึงความผิดปกติ แต่ถ้ารอให้มีอาการก็มักจะเป็นมากและมีภาวะแทรกซ้อนของโรคแล้ว แต่อาการที่เป็นสัญญาเตือนได้ว่าคุณน่าจะติดเชื้อ ได้แก่</span></p> <p><span style="font-size:85%;"><br />* คันบริเวณปากช่องคลอด ตกขาวมีกลิ่นเหม็น มีสีน้ำตาลเข้มปนเลือด<br />* เจ็บแสบขัดเมื่อถ่ายปัสสาวะ หรือเมื่อมีเพศสัมพันธ์<br />* มีไข้ และปวดท้องน้อยบริเวณที่ต่ำกว่าสะดือ และอาจปวดร้าวมาถึงหลัง<br />* มีแผลตื้นๆ หรือตุ่มน้ำบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์</span></p> <p> </p> <p><span style="font-size:85%;"> อาการที่กล่าวเบื้องต้นมักเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่ มีการป้องกันที่ดี นั่นคือการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย สำส่อนทางเพศประเภท one night stand การไม่สวมถุงยางอนามัย ทำให้มีการแพร่เชื้อต่อๆ กัน ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคหนองใน แผลริมอ่อน แบคทีเรียทริโคโมนาส การติดเชื้อทางไวรัส เป็นหูดหงอนไก่ เป็นต้น เมื่อสังเกตถึงความผิดปกติก็มักเป็นมาก ดังนั้นวิธีการแก้ไขที่ดีและถูกต้องคือ การไปพบสูตินรีแพทย์ทันที เพราะยิ่งเร็วเท่าไรนั่นหมายถึงเวลารักษาและความรุนแรงที่ลดลง</span></p> <p><span style="font-size:85%;"><img style="width: 200px; height: 267px;" alt="sex เพศสัมพันธ์" src="http://content.mthai.com/upload_images/0-kae/07-09/02-07/ww3-1.jpg" vspace="10" align="right" border="0" hspace="10" /></span></p> <p><span style="font-size:85%;"><strong><span style="color:#ff0099;">อาการเตือนอื่นๆ ที่ก่อความรำคาญ แต่แก้ได้ง่าย</span></strong> </span></p><span style="font-size:85%;"> </span><p><span style="font-size:85%;"><br /> เพราะปัญหาที่เกิดกับจุดซ่อนเร้นอาจไม่ได้จำกัดอยู่แต่ภายในเท่านั้น แต่อาจเกิดบริเวณภายนอกรอบๆ ที่ทำให้เกิดความรำคาญไม่น้อย เช่น</span></p> <p> </p> <p><span style="font-size:85%;"> * อาการคัน หรือระคายเคืองบริเวณปากช่องคลอด<br />* ตกขาวเปลี่ยนจากสีขาวขุ่น เป็นมูกสีเหลืองหรือสีเขียว<br />* มีผื่นแดง รู้สึกแสบร้อนบริเวณเนื้ออ่อนรอบๆ อวัยวะเพศ หรือขาหนีบ<br />อาการ เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมาจากการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น แต่เกิดการใช้ชีวิตประจำวันด้วย โดยอาจเป็นการติดเชื้อรา หรือผิวหนังบริเวณจุดซ่อนเร้นเกิดการแพ้สารเคมีบางอย่าง ทำให้อักเสบ โดยสาเหตุหลักๆ ก็มาจาก<br />* การสวมกางเกงในที่ไม่ระบายอากาศ การใส่กางเกงแฟชั่นรัดมากแบบจีสตริง หรือมีเนื้อผ้าหนาไป ทำให้เหงื่อระเหยช้า เกิดความอับชื้น และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์<br />* การสวมกางเกงชั้นในที่ซักไม่สะอาด มีสารตกค้างของสารซักฟอก หรือตากไม่แห้ง มีเชื้อรา<br />* การแพ้สารเคมีในผ้าหรือแผ่นอนามัย<br />* การลืมเปลี่ยนผ้าหรือแผ่นอนามัยทุก 2-3 ชั่วโมง<br />* การรักความสะอาดมากไป ด้วยการใช้สบู่ที่เป็นด่างมากๆ ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นทำให้สภาพปากช่องคลอดมีความเป็นกรดตามธรรมชาติลดลง ทำให้เกิดอาการคันระคายเคือง<br />* การใช้กระดาษชำระที่มีน้ำหอม หรือมีลายสีสันสดใส ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น<br />* การทาแป้งบริเวณจุดซ่อนเร้น ซึ่งสูตินรีแพทย์ไม่แนะนำให้ทา เพราะอาจเกิดการแพ้ และเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่หากทาบริเวณจุดซ่อนเร้นโดยตรง<br />* การกินยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น เช่น ยาฆ่าเชื้อไวรัสเมื่อเป็นหวัดเป็นเวลานาน </span></p> <p> </p> <p><span style="font-size:85%;"> ปัญหาจุดซ่อนเร้นเป็นเรื่องที่สาวๆ ต้องใส่ใจให้มาก เพราะหากเกิดอาการหรือสิ่งผิดปกติขึ้นแล้ว ตัวเองจะเป็นคนที่รำคาญและทุกข์ที่สุดค่ะ </span></p> <p><br /><span style="font-size:85%;color:#ff0099;"><strong>การดูแลจุดซ่อนเร้นที่ถูกต้อง</strong></span></p><span style="font-size:85%;"> </span><p><span style="font-size:85%;"><br /> แม้จุดซ่อนเร้นจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากด้วยสรีระตามธรรมชาติ แต่หากสาวน้อยสาวใหญ่ดูแลและทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นได้อย่างถูกต้อง แบบไม่มากหรือน้อยเกินไป โอกาสที่จะเกิดอาการไม่พึงประสงค์ก็ย่อมลดลง นั่นคือ</span></p> <p><span style="font-size:85%;"><br /> - การมีเพศสัมพันธ์อย่างเหมาะสมและปลอดภัย</span></p> <p><span style="font-size:85%;"><br /> - การดูแลสุขลักษณะบริเวณอวัยวะเพศและก้นไม่ให้อับชื้น ด้วยการล้างด้วยน้ำเปล่า หรือช่วงมีประจำเดือนอาจใช้สบู่อ่อนได้บ้างแล้วล้างน้ำให้หมดสบู่ แต่ไม่ควรใช้สายชำระทำการสวนล้างช่องคลอด ซับให้แห้งและใส่กางเกงในผ้าฝ้าย หากต้องใส่ผ้าอนามัยและรู้สึกไม่สบายหรืออับชื้นบริเวณจุดซ่อนเร้นอาจใช้วา สลีนหรือยูเรียช่วยทาเคลือบผิวและเปลี่ยนแผ่นอนามัยบ่อยๆ ไม่ควรใช้แผ่นอนามัยรองกันเปื้อนหากไม่จำเป็น เพราะพบว่าทำให้เกิดการอับชื้น ก่อให้เกิดการติดเชื้อรา หรือมีอาการแพ้และผื่นขึ้นได้บ่อย</span> </p> <p> </p> <p> </p> <p> </p> <p align="center"><strong><span style="font-size:85%;color:#ff9966;">ที่มาจาก </span></strong><a href="http://www.healthtoday.net/"><strong><span style="font-size:85%;color:#ff9966;">www.healthtoday.net</span></strong></a></p>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7693993078014029627.post-5616993682779312312009-07-06T21:29:00.000-07:002009-07-06T21:30:12.029-07:00คอลลาเจน เพื่อผิวเนียนใส ลดริ้วรอย<p align="center"><strong><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;font-size:100%;color:#ff3399;">คอลลาเจน เพื่อผิวเนียนใส ลดริ้วรอย</span></strong></p> <p align="center"><strong></strong> </p> <p align="center"><img style="width: 394px; height: 309px;" alt="คอลลาเจน" src="http://content.mthai.com/upload_images/0-jaja/Beauty/July/43636574642086_1.jpg" border="0" hspace="0" /></p> <p align="center"> </p> <p><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="color:#666666;"><em><span style="color:#ff3399;"><strong>คอลลาเจน</strong></span></em> คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่อยู่ใต้ชั้นหนังแท้ โปรตีนแห่งความงามที่ว่านี้ มีชื่อเรียกว่า คอลลาเจนโปรตีน เป็นโปรตีนสำคัญของผิวหนัง เพราะเป็นส่วนสปริงของผิวหนัง ในการสร้างความตึงให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้ หากอยากลองสัมผัสความตึงของคอลลาเจนโปรตีน ลองจับแก้มเด็กตัวเล็ก ๆ ดู จะสัมผัสได้ทันที ถึงความใส ตึง ที่ผิวแก้ม หรือ ดูเด็กวัยรุ่นที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มสาว จะเห็นว่าผิวพรรณตึงเปรี๊ยะทีเดียว ปัจจุบันนี้จะมีการพูดถึง คอลลาเจน กันอย่างกว้างขวางในวงการเครื่องสำอาง และ ความงาม เป็นภาษากรีก</span></span></span></p> <p><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;color:#666666;">ผู้หญิงสมัยใหม่ ไม่มีใครไม่รู้จัก <span style="color:#ff3399;"><em><strong>คอลลาเจน</strong></em></span><span style="color:#666666;"> </span>ที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวพรรณเต่งตึง แต่เมื่ออายุที่มากขึ้น<strong><em>คอลลาเจน </em></strong> ที่อยู่ใต้ผิวหนังก็ลดลงตามลำดับ การยิ้ม ขมวดคิ้ว หรี่ตา หรือเครียด เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ <em><strong>คอลลาเจน</strong> </em>ใต้ผิวเสื่อมสภาพ ผลที่ตามมาก็คือ ริ้วรอย และรอยตีนกาบนใบหน้า<br /><br /><b><span style="color:#ff6600;">ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า</span></b> ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการสลายตัวของ <span style="color:#ff3399;"><em><strong>คอลลาเจน</strong></em></span><span style="color:#666666;"> คือ อนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดด มลพิษต่างๆ บุหรี่ สารปนเปื้อนในอาหารที่รับประทานเข้าไป และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ส่งผลต่อผิวในชั้นหนังกำพร้า และชั้นหนังแท้ ที่ประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 2 ชนิด คือ <em>คอลลาเจน </em>และอีลาสติน ที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวพรรณเต่งตึง มีความยืดหยุ่น และควบคุมความชุ่มชื้น เมื่อถูกทำลายให้บางลง และด้วยอายุที่มากขึ้นทำให้เกิดความไม่สมดุลกันระหว่างการผลิต และการสลายตัวของ<em><strong>คอลลาเจน</strong> </em> ตามธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ผิวหน้าหย่อนคล้อย และหยาบกระด้าง ดังนั้น วิธีที่จะทำให้ผิวพรรณกลับคืนสู่ความวัยเยาว์นั้น ก็คือการเพิ่ม <em><strong>คอลลาเจน</strong> </em>ให้กับผิว</span></span></span></p><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;color:#666666;"> </span></span><p><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;color:#666666;"><br /><br /><span style="color:#ff6600;"><strong>การเพิ่ม<em>คอลลาเจน</em>ก็มีหลากหลายวิธี ดังนี้</strong></span> </span></span></p> <p> </p> <ol><li><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;color:#666666;"><strong><span style="color:#3399ff;"><img src="http://content.mthai.com/upload_images/Album/icon/p_ms151a09.gif" /> การเติม <em>คอลลาเจน</em>และอีลาสตินที่ขาดหายไปจากเซลล์ผิว ตามธรรมชาติแล้ว</span> </strong><br /><em><span style="color:#666666;"><strong>คอลลาเจน และอีลาสติน</strong></span></em> จะเริ่มเสื่อมลงเมื่ออายุ 25-30 ปี ปัจจุบันมีการค้นคว้าเพื่อหาแหล่งธรรมชาติที่จะช่วยเสริม <strong><em>คอลลาเจน</em></strong> ที่ขาดหายไป เพราะผิวที่มี <strong><em>คอลลาเจน </em></strong>ที่แข็งแรง จะเป็นผิวที่เปล่งปลั่ง เนียนใส <em><strong>คอลลาเจน</strong></em> จึงเป็นหัวใจสำคัญที่คงความยืดหยุ่น และช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ไม่สูญเสียไปกับสภาพแวดล้อม<br /><br /></span></span> </li><li><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;color:#666666;"><span style="color:#3399ff;"><strong><img src="http://content.mthai.com/upload_images/Album/icon/p_ms151a09.gif" /> การรับประทานอาหารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ</strong></span><br />สาร ต่อต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากธรรมชาติ จะช่วยกำจัดตัวการสร้างอนุมูลอิสระได้หมดไป และไม่ทำลายเซลล์ผิวหนัง ซึ่งได้แก่ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี สารเหล่านี้เป็นสารที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อ<span style="color:#666666;">เยื่อ <em><strong>คอลลาเจน</strong></em>และ</span>อีลาสติน<br /><br /></span></span> </li><li><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;color:#666666;"><strong><span style="color:#3399ff;"><img src="http://content.mthai.com/upload_images/Album/icon/p_ms151a09.gif" /> การรักษาความชุ่มชื้นให้กับเซลล์ผิว</span></strong><br />การ สูญเสียความชุ่มชื้นของเซลล์ผิว ทำให้เกิดความหยาบกร้านและริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นชนิดพิเศษ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่ามอยซ์เจอไรเซอร์ทั่วไป จะสังเกตได้จากส่วนผสมที่ประกอบด้วย ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน,ไฮโดรไลซ์ อีลาสติน,โปรคอลลาเจน,เอเอชเอ เป็นต้น </span></span></li></ol> <p> </p> <p><span style="font-family:Tahoma;font-size:85%;color:#666666;">ที่มาจาก </span><a href="http://entertain.tidtam.com/data/12/0097-1.html"><span style="font-family:Tahoma;font-size:85%;color:#666666;">http://entertain.tidtam.com/data/12/0097-1.html</span></a><span style="font-family:Tahoma;font-size:85%;color:#666666;">#</span></p>Unknownnoreply@blogger.com0